ฟิลเลอร์ คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือ HA สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์ โดยสารกลุ่มนี้จะมีอยู่มากในชั้นผิวหนังและกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของคอลลาเจน ฟิลเลอร์มีส่วนช่วยในการเติมเต็มใบหน้า ลดเลือนให้ริ้วรอย รอยหมองคล้ำดูจางลง ช่วยแก้ไขโครงสร้างใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เต่งตึงและกระชับขึ้น ดูมีอิ่มน้ำ อีกทั้งยังเป็นการเติมเส้นใยคอลลาเจนที่หายไป ให้ผิวนั้นดูอ่อนเยาว์ ร่องริ้วรอยที่ลึกดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
1. Temporary Filler ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ระยะเวลาอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน นานถึง 2 ปี สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
2. Semi Permanent Filler ประเภทกึ่งฟิลเลอร์ สามารถอยู่ได้นานกว่าแบบชั่วคราว ประมาณ 2-5 ปี มีความปลอดภัยรองลงมาจากแบบแรก เช่น แคลเซียมฟิลเลอร์ นิยมใช้ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สารตัวนี้ในประเทศไทย
3. Permanent Filler ฟิลเลอร์แบบถาวร เช่น ซิลิโคน หรือพาราฟิน ไม่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ อาจมีผลข้างเคียงได้ในระยะยาว *แพทย์ไม่แนะนำ
ทั้งนี้ยังมีฟิลเลอร์แบบที่นำมาจากร่างกายของคนไข้เอง โดยมักใช้ไขมันในร่างกายของตัวลูกค้าเองมาฉีดเพื่อเติมเต็ม ปัจจุบันจะเรียกกันว่าการ ฉีดไขมัน หรือ Fat grafting ซึ่งนำมาจากบริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ซึ่งเป็นการปลูกถ่ายที่ย้ายไขมันจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด อัตราการติดของไขมันนั้นจึงไม่ 100% และไขมันนั้นก็สามารถสลายไปได้ หากได้รับการดูแลหลังฉีดไขมันที่ไม่ถูกวิธี
- ใช้ฟิลเลอร์ปลอม เสี่ยงการอุดตันในเส้นเลือด
- แพทย์ที่ทำการฉีดต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- แพทย์มีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาค และลดความเสี่ยงในการฉีดโดนเส้นเลือด
- โดยปกติเมื่อเราไปพบแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าผิวของเราเหมาะกับฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนรุ่นไหน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับความถนัดและเทคนิคการฉีดของหมอแต่ละคนด้วย
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา
สาเหตุการเกิดรอยคล้ำหมองบริเวณใต้ตานั้น มีด้วยกันหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอ ใต้ตาคล้ำจากโรคภูมิแพ้ ลักษณะทางพันธุกรรม หรือแม้กระทั่ง กระดูกบริเวณใต้ตายุบลง จากสาเหตุอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้กลับมาเปล่งปลั่ง
2. ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางตัด คางพับ คางยื่นไม่เข้ากับรูปหน้า หรือใกล้ปากมากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์คาง จึงมีส่วนช่วยในการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถเติมส่วนที่ขาดหายให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ปัญหาบริเวณร่องแก้มลึก โดยทั่วไปร่องลึกนี้จะลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุย่างเข้าสู่ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้หญิงจะเห็นชัดกว่าผู้ชาย เพราะร่องแก้มที่ลึกจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอวบอิ่ม ไม่โทรม ดูอ่อนเยาว์มากขึ้นด้วย
4. ฟิลเลอร์จมูก
การฉีดฟิลเลอร์จมูก เหมาะกับคนที่ไม่กลัวการผ่าตัด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับแก้ไขรูปจมูกให้สวย มีมิติ สามารถเติมปลายหยดน้ำ หรือปรับรูปให้จมูกสวยงามตามลักษณะของโหงวเฮ้งให้ดีได้อีกด้วย
5. ฟิลเลอร์หน้าผาก
เมื่ออายุมากขึ้น หน้าผากก็จะเล็กและแคบลง เนื่องจากกระดูกของกะโหลกและชั้นผิวจะบางลงตามอายุ เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าผากไม่สวย โค้งมน เกิดการยุบตัวลงของกระดูก ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่มีมิติ และขาดสมมาตร ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
6. ฟิลเลอร์ปาก
เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อริมฝีปากจะบางลงเรื่อย ๆ เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างผลิตได้น้อยลง ทำให้ปากดูไม่อิ่มเอิบ เห็นริ้วรอยได้ง่าย ดูแห้ง ส่งผลทำให้เสน่ห์ที่น่าดึงดูดลดน้อยลงไปด้วย ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้นและมีเสน่ห์น่ามอง
7. ฟิลเลอร์ขมับ
ปัญหาขมับตอบ เกิดจากโครงสร้างกะโหลกศีรษะของแต่ละบุคคล การฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะช่วยปรับรูปหน้ารวมถึงบริเวณขมับให้ได้สัดส่วนมากขึ้น และช่วยลดความเด่นของโหนกแก้มลง ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยในเรื่องการเสริมโหวงเฮ้งอีกด้วย
8. ฟิลเลอร์แก้มตอบ
สาเหตุแก้มตอบเกิดจากผอมเกินไป การลดน้ำหนักรวดเร็วเกินไป ผลกระทบจากการจัดฟันก็มีส่วน ทางพันธุกรรม หรือมีโหนกแก้มสูงเกินไป ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โทรม ไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
โดยแต่ละตำแหน่งจะใช้ฟิลเลอร์ในปริมาตร ดังนี้
- จมูก 1 ml.
- จมูก1 ml.
- คาง 1-2 ml.
- ปากอวบอิ่ม 1-2 ml.
- ร่องแก้ม 1-2 ml.
- เติมแก้ม แก้มตอบ 2-4 ml.
- เติมใต้ตา 1-3 ml.
- ขมับ 2-3 ml.
- หน้าผาก 4-6 ml.
ทั้งนี้ ปริมาตรยาขึ้นอยู่กับปัญหาที่แพทย์ประเมินนะคะ
อาการแพ้ฟิลเลอร์
อาการแพ้ฟิลเลอร์ เป็นการแพ้สารบางชนิดในฟิลเลอร์ โดยโอกาสที่จะพบคนที่แพ้ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid นั้นน้อยกว่า 1% เป็นโอกาสที่น้อยมากในบุคคลทั่วไปจะเกิดอาการแพ้ จึงไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ โดยจะมีอาการแพ้อยู่ 2 รูปแบบ
- ลมพิษแบบรุนแรง (Angioedema) : อาการแพ้จะแสดงให้เห็นลมพิษขึ้นมาอย่างรุนแรง
- อาการแพ้ฟิลเลอร์ (Delay Hypersensitivity) : อาการแพ้ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะแสดงให้เห็นเป็นก้อนบวม นูนแดงอักเสบ มักเกิดอาการได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว โดยเบื้องต้นสามารถทานยาฆ่าเชื้อ เพื่อบรรเทาอาการบวมได้ แต่ถ้าหากรุนแรงมากอาจต้องเข้ามาพบแพทย์เพื่อทำการฉีดสลายฟิลเลอร์
วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้หรือปลอม หรือวิธีการสังเกตฟิลเลอร์เบื้องต้น เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง สำหรับกรณี ของแท้จากต่างประเทศ แต่ลักลอบหิ้วเข้ามาฉีด โดยปกติกระบวนการเก็บรักษา ในกระบวนการหิ้วฟิลเลอร์หนีภาษีจากต่างประเทศนั้น ต้องขนส่งหลายต่อ อาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมไม่ได้คุณภาพ
ซึ่งในปัจจุบันมีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ของ Restylane โดยการใช้แอปพลิเคชัน eZ Tracker ในการตรวจสอบ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
แบรนด์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองในประเทศไทย (อย.ไทย)
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นและราคาก็แตกต่างกันออกไป ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองในประเทศไทย ซึ่งก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ที่สำคัญคืออย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษา และเลือกให้เหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างตรงจุด โดยแต่ละยี่ห้อ ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน เฉลี่ยเวลาที่อยู่ได้ 12-18 เดือน
1. Juvederm
Juvederm นำเข้าจากอเมริกา แบรนด์นี้บอกเลยว่ามีการันตีคุณภาพมาอย่างยาวนาน ซึ่งตัวของฟิลเลอร์ ของจูวีเดิร์มนั้น ก็มีหลากหลายรุ่นให้เราเลือกใช้ ตามความเหมาะสมของแต่ละส่วน
2. Restylane
Restylane filler จากสวีเดน ก็เป็นฟิลเลอร์อีก 1 ตัวที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก การันตีจากอย FDA อเมริกา และ CE MARKS จากยุโรป มีมากมายหลายรุ่นให้เลือกใช้กับแต่ละตำแหน่งปัญหาเช่นกัน
3. Belotero
Belotero filler หรือ colorful filler จากสวิสเซอร์แลนด์ ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะราคาไม่แพงจับต้องได้ ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM Technology ซึ่งเป็นนวัตกรรมการผลิตพิเศษที่มีแค่ยี่ห้อนี้เท่านั้น ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี
4. Perfectha
Perfectha filler new generation จากฝรั่งเศส ผ่านการตรวจรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ไทย และต่างประเทศ
5. Neuramis filler
Neuramis filler จากประเทศเกาหลี ราคาประหยัด ซึ่งตอนนี้ผ่านการรับรองในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
7. Yvoire
Yvoire แบรนด์ที่คุณภาพพรีเมียมเทียบเท่าแบรนด์ในยุโรป เพิ่งนำเข้ามาในประเทศไทยไม่นาน โดยตัวที่นำร่องเข้ามาก่อนจะเป็นกล่องสีม่วง ที่มีโมเลกุลใหญ่ เหมาะกับเติมเต็มในชั้นลึก เช่น ขมับ ร่องแก้ม คาง เป็นต้น
1. ประเมินใบหน้าและวางแผน
แพทย์จะทำการประเมินดูลักษณะของใบหน้าและปัญหาผิว เพื่อตรวจดูบริเวณที่จะแก้ไขโดยการทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ในแต่ละจุด รวมถึงมีการถ่ายภาพใบหน้าบริเวณที่จะทำการรักษาเพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีด
2. ทำความสะอาดและใช้ยาระงับความรู้สึก
ขั้นตอนนี้จะต้องเช็ดทำความสะอาดใบหน้าก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการทายาระงับความรู้สึก หรือ อาจใช้อุปกรณ์เย็นจัด ที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์
3. ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ จะใช้เวลาในการฉีดแต่ละเข็มเพียงไม่นาน แพทย์จะทำการนวดและประเมินผลการตรวจไปพร้อมกับการฉีดฟิลเลอร์ หรืออาจมีการเพิ่มปริมาณของฟิลเลอร์ตามที่แพทย์เห็นสมควร
4. การทำความสะอาดแผลและพักฟื้น
เมื่อแพทย์เห็นว่าผลลัพธ์ของการรักษาเป็นที่พอใจแล้ว จะลบทำความสะอาดเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ออก และใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการบวมและบรรเทาความรู้สึกไม่สบายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย โดยผิวหนังที่ฉีด อาจมีการฟกช้ำจากรอยเข็ม 3-4 วัน และจะค่อย ๆ หายไปเอง
ข้อปฏิบัติตัวก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์
ข้อปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดแข็งตัวยาก จะส่งผลให้เกิดอาการช้ำได้ง่าย ซึ่งจะดีที่สุดหากสามารถเลี่ยงได้ 3 วัน
- เลี่ยงการใช้สมุนไพร เช่น น้ำมันตับปลา แปะก๊วย โสม เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารเสริมหรือยาบางชนิด จะดีที่สุดหากสามารถหลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการทำให้เกิดเลือดแข็งตัว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDs, แอสไพริน (aspirin) และ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม 2-3 วันก่อนฉีด เนื่องจากอาหารที่มีรสชาติเค็มจะทำให้อาการน้ำคั่ง ส่งผลให้ร่างกายมีโอกาสบวมมากขึ้น
- ควรแจ้งประวัติการใช้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
- หากมีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้ง
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
- ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดครั้งละ 10 นาที ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หากมีบริเวณที่ช้ำ
- งดการออกกำลังกาย หรือทำกิจจกรรมที่สร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย เช่น การซาวน่า เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดกดนวดบริเวณที่ทำการรักษา อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
- สามารถรับประทานยาได้หากมีปวดในบริเวณที่ฉีด แพทย์แนะนำกลุ่มยาแก้ปวด พาราเซตามอล
อาการข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์
อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำเล็กน้อย หรือคันในจุดที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดคลึงในจุดนั้น ๆ อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หาก 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์คลินิกที่ได้ทำการรักษา
หากฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นเป็นฟิลเลอร์แท้จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย ไม่เกิดการไหลย้อยหรือฟิลเลอร์ผิดรูป แต่อาการข้างเคียงที่เกิดจากเทคนิคแพทย์ก็อาจจะเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับบริการจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม การฉีดสลายฟิลเลอร์
- ประเภทของฟิลเลอร์
- ฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ปลอม
- แพทย์ผู้ทำการรักษา
- รีวิวที่น่าเชื่อถือได้
- มีราคาที่เหมาะสม
การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เจ็บนะคะ เนื่องจากก่อนฉีด ผู้ช่วยแพทย์จะทำการทายาชา เพื่อระงับความเจ็บได้ ทั้งนี้ หากไม่ทายาชา ในตัวยาฟิลเลอร์บางรุ่นก็มีส่วนประกอบของยาชาอยู่แล้ว อาจจะมีความรู้สึกจี๊ด ๆ คล้ายมดกัดค่ะ
หลังฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน โดยปกติแล้วหลังฉีดฟิลเลอร์ จะมีอาการบวมช้ำเขียวจากรอยเข็มประมาณ 3-4 วัน ไม่เกิน 7 วัน หรือหากมีอาการช้ำมากกว่านั้น หรือมีความรู้สึกว่ามันผิดปกติ สามารถเข้าไปเช็คกับแพทย์ที่ฉีดได้ค่ะ
สรุป
ฟิลเลอร์ หรือ สาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นการเลียนแบบสารในร่างกาย ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ปาก เต็มเติมใบหน้าให้เต่งตึง ปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื้น โดยการการฉีดฟิลเลอร์ 1 ครั้ง จำเป็นต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา เพราะการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยทั้งใช้ตัวยาแท้และประสบการณ์ของแพทย์ ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการเอง ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและรีวิวโดยผู้ใช้จริงนะคะ