ฟิลเลอร์หน้าผาก
หน้าผาก เป็นส่วนที่โดดเด่นที่ทำให้เห็นถึงเสน่ห์ของใบหน้า ฟิลเลอร์หน้าผากช่วยเติมเต็มหน้าผากให้เข้ากับรูปหน้ามากยิ่งขึ้น แก้ไขรูปทรงหน้าผากที่เกิดจากปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หน้าผากแคบ หน้าผากแบน หน้าผากยุบ ฯลฯ ให้มีหน้าผากที่โหนกนูนสวยงาม ใบหน้าดูมีมิติ และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้นด้วย
สารบัญ
ฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร?
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคือ การใช้สารเติมเต็มฟิลเลอร์ กลุ่มไฮยารูลอนิกแอซิด Hyaluronic Acid ฉีดร่องแก้ม เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากเเคบ หรือเป็นเเอ่งลึก ช่วยให้หน้าผากนั้นดูโหนกนูนมากขึ้น เพราะ ฟิลเลอร์จะไปช่วยทดแทนคอลลาเจนใต้ผิวที่เสื่อมสภาพไป และยังช่วยกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวอีกด้วย
ลักษณะโหงวเฮ้งหน้าผากที่ดี จะต้องมีลักษณะนูน หน้าผากอิ่มเอิบ ไม่ลีบแบน ไม่มีรอยตำหนิหรือรอยแผลเป็น รอยย่น รอยยุบ รอยบุบ รอยบุ๋มบนหน้าผาก รวมทั้งมีสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่ดูแคบหรือแบนจนเกินไป ด้วยเหตุนี้ หน้าผากจึงเป็น 1 ในจุดที่ได้รับความนิยมของการฉีดฟิลเลอร์ สำหรับผู้ที่ต้องการจะเสริมโหงวเฮ้ง
ผู้ชาย
ใบหน้าผู้ชายมีความยาวและกว้างมากกว่าใบหน้าผู้หญิง โครงหน้าส่วนใหญ่จะเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีความเป็นชาย ไม่ดูหวานจนเกินไป เป็นทรงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จึงทำให้ผู้ชายส่วนมากจะมีลักษณะหน้าผากที่ค่อนข้างแบน ไม่โหนกนูน การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อแก้ไขปัญหาหรือปรับรูปหน้า จะไม่เน้นความโค้งมนหรือโหนกนูนเหมือนหน้าผากผู้หญิง ควรเป็นหน้าผากที่เรียบเนียน เรียบเต็มรับกับใบหน้า
ผู้หญิง
หน้าผากผู้หญิงจะมีความโค้งมนและโหนกนูนมากกว่าผู้ชาย จึงเน้นเติมเต็มเพื่อจะช่วยปรับรูปหน้าให้สวยงาม ดูโดดเด่น สมส่วน รับกับจุดอื่น ๆ บนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้หน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นใครที่มีปัญหาหน้าผากแบน ไม่โหนกนูน การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จะสามารถช่วยปรับแก้ไขหน้าผากให้ดูมีส่วนโค้งส่วนมนมากขึ้น โครงหน้าโดยรวมก็จะดูดี และมีสเน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากขึ้น สำหรับผู้ชาย แพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ในปริมาณที่เยอะเกินไป โดยจะฉีดเพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติ หน้าผากดูไม่แบน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย
หน้าผากแบบไหนที่ควรฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ปัญหาหน้าผากส่วนมาก เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก หรือเกิดจากการยุบตัวของชั้นกระดูกบริเวณหน้าผาก เนื้อเยื่อของผิวหนังบริเวณหน้าผากฝ่อตัวลง เนื่องจากอายุที่มากขึ้น จึงไม่ได้สัดส่วนโค้งมนสวยงามอย่างที่ควรจะเป็น มักพบในผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ส่งผลให้หน้าผากเกิดเป็นร่องบุบช่วงบริเวณเหนือคิ้วทั้งสอง อีกทั้งยังทำให้เกิดร่องรอยบนหน้าผากด้วย ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ขาดความสมมาตรและมิติของใบหน้า
1. ปัญหาหน้าผากแบน
เกิดจากลักษณะโครงสร้างกระดูกที่ไม่ได้โค้งมน หรือเกิดการยุบตัวของกระดูกและเนื้อเยื่อนิ่มที่ลดหายไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้หน้าดูไม่มีมิติ และขาดสมมาตรของใบหน้า
2. ปัญหาหน้าผากแคบ
เมื่ออายุมากขึ้น หน้าผากก็จะเล็กและแคบลงเรื่อย ๆ เพราะกระดูกกระโหลกและชั้นผิวนั้นจะบางลงเมื่อเวลาผ่านไป หรือบางคนอาจได้รับอิทธิพลมาจากทางเชื้อชาติพันธุกรรมที่สืบทอดต่อมา การมีหน้าผากที่แคบทำให้ใบหน้าดูแก่ลง ภาพรวมของใบหน้าดูไม่สมส่วน
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับใครบ้าง?
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- ผู้ที่ต้องการปรับแก้ไขรูปหน้าผากให้สวย ดูมีมิติ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าผากให้สมดุลกับใบหน้า
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย รอยบุ๋ม รอยแผลเป็น
- ผู้ที่ต้องการปรับโหงวเฮ้งหน้าผาก
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้น จึงจะเหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- ผู้ที่อยากผ่าตัดเสริมหน้าผากในอนาคต
- ผู้ที่แพ้ฟิลเลอร์
- ผู้ที่แพ้ยาชา
- ผู้ที่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด
- ผู้ที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ตนเอง เช่น SLE
- ผู้ที่มีประวัติเกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย
ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- งดอาหารเสริมหรือยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) น้ำมันปลา และ วิตามินอี
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์แนะนำให้งดการทำทรีทเม้นท์เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หากต้องการทำเลเซอร์ ให้ทำเลเซอร์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 3 วัน
- งดการดื่มแอลกฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็น การบีบ การนวด การแกะ การเกา ที่จะไปกระทบกับฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนของร่างกาย อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดการแต่งหน้าหรือการใช้ครีมบำรุง อย่างน้อย 12 ชั่วโมง
- ควรดื่มน้ำในปริมาณมากและดื่มอย่างสม่ำเสมอ วันละ วันละ 1.5-2 ลิตร (12 แก้ว) เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
ข้อดีและข้อเสียฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ข้อดีของการฟิลเลอร์หน้าผาก
- เป็นหัตถการที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด
- สามารถเสริมหน้าผากได้อย่างปลอดภัย
- มีความยืดหยุ่นในการรักษา
- สามารถปรับแก้หรือเพิ่มเติมในจุดที่ต้องการได้อย่างอิสระ
- ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ เรียบเนียนไปกับใบหน้า
- สามารถสลายได้เองไม่ทิ้งสารตกค้างภายในร่างกาย
ข้อเสียของการฟิลเลอร์หน้าผาก
- ผลลัพธ์ในการรักษาไม่คงอยู่ถาวรเหมือนกับการศัลยกรรมหน้าผาก
- บริเวณหน้าผากยังเป็นตำแหน่งที่มีความเสี่ยงสูง
- ต้องฉีดฟิลเลอร์ซ้ำหลังจากที่ฟิลเลอร์เริ่มสลายไป
- มีความเสี่ยงที่จะเจอของปลอม
ลักษณะฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
- มีเนื้อเจลที่เป็นอนุภาคเล็ก
- กระจายตัวดีไม่เกาะตัวเป็นก้อน
ถ้าหากทำการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณหน้าผาก จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร อาจจะเป็นก้อน ใบหน้าผิดรูป ไม่เป็นธรรมชาติ หรืออาจส่งผลเสียอื่นๆ ในระยะยาว
ฟิลเลอร์หน้าผาก อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ซึ่งมีอายุมาตรฐานอยู่ที่ 18-24 เดือน และจะค่อยๆ สลายหายไปตามธรรมชาติ 100% ไม่มีตกค้างเหลือภายในร่างกาย โดยอายุของฟิลเลอร์จะยืดหยุ่นตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถยืดอายุของฟิลเลอร์ได้นานมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์หน้าผาก ต้องใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล
การที่จะบอกปริมาณ CC. ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก นั้นขึ้นอยู่กับปัญหาที่แพทย์วินิจฉัยและรูปหน้าของแต่ละคน แต่ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากปกติจะใช้ประมาณ 2-5 cc. ถ้าหากต้องการแก้ไขรูปหน้าผากที่ดูเป็นธรรมชาติ เต็มอิ่ม ก็ใช้เพียงแค่ 1-2 CC. เท่านั้น แต่ถ้าต้องการเสริมหน้าผากให้โหนกนูน ก็ต้องดูที่ความต้องการของคนไข้ ร่วมกับผลวินิจฉัยของแพทย์ว่าสามารถฉีดฟิลเลอร์หน้าผากได้ จะใช้ประมาณ 3-5 CC ไม่เกินจากนี้ไป เพราะถ้าเกินจากนี้อาจทำให้รูปทรงของหน้าผากผิดรูป ไม่เข้ากับรูปหน้าของคนไข้ได้
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน?
ในช่วง 1-2 วันแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ คนไข้อาจมีอาการบวมจากเข็ม รวมทั้งอาจมีอาการปวดตึงเล็กน้อย อาการบวมนี้จะหายภายใน 1 สัปดาห์ และยุบตัวลง หลังจากนั้นก็จะสามารถรูปทรงของหน้าผากชัดขึ้น ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ หากแพทย์มีความเชี่ยวชาญพร้อมเทคนิคพิเศษในการฉีด ก็จะช่วยลดอาการบวมและอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น ช้ำ เขียว ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
1. เทคนิคและประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ของแพทย์ไม่มากพอ
แพทย์จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าของมนุษย์ ตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์จะต้องถูกต้องและเหมาะสมกับคนไข้ ชนิดของฟิลเลอร์ที่จะฉีด การขาดความรู้ดังกล่าว อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน
2. ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับการฉีดหน้าผาก
ฟิลเลอร์ที่ใช้บริเวณใต้ตาควรเป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม กระจายตัวได้ดี มีความเหนียวน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์จับกันเป็นก้อนแข็ง และป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน
3. ปริมาณที่ใช้ฉีดมากเกินไปไม่เหมาะสม
ปริมาณที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอยู่ระหว่าง 1-5 CC เท่านั้น หากเกินมากกว่านี้อาจทำให้หน้าผากนูนเกินไป ไม่สวยงาม
4. ฟิลเลอร์ปลอม
เพราะฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายตามธรรมชาติได้เลยจับตัวเป็นก้อน เมื่อมีปัญหาจะต้องทำการขูดออกหรือศัลยกรรมผ่าตัดออกเท่านั้น
5. เข็มที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
หน้าผากเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงเข้าเส้นเลือดสูง เข็มฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้จึงต้องเป็นเข็มแบบทู่แทนเข็มปลายแหลม การใช้เข็มแบบทู่ในการฉีด จะทำให้ไม่แทงทะลุเส้นเลือดใต้ผิว ช่วยป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เข้าไปในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดปัญหาเนื้อเยื่อข้างเคียงตายได้อีกด้วย แต่ด้วยความเป็นเข็มแบบทู่ อาจทำให้รู้สึกเจ็บเวลาทำการฉีดฟิลเลอร์ แต่แพทย์จะทำการทายาชาก่อนเริ่มทำการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จึงสามารถคลายความกังวลได้
การศัลยกรรมหน้าผากด้วยซิลิโคน
การเสริมหน้าผาก คือการทำให้หน้าผากที่ไม่สมบูรณ์แบบนั้นดูดีขึ้น โดยการทำให้หน้าผากโหนกนูน ซึ่งฟิลเลอร์เข้ามาตอบโจทย์ปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยราคาของฟิลเลอร์แท้ที่มีราคาสูง และยังอยู่ไม่ได้คงทนถาวรในร่างกาย จึงมีการคิดค้นแผ่นซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าผากขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ที่อยากเสริมหน้าผากด้วยราคาที่ถูกกว่าและอยู่ได้ในร่างกายถาวร แต่เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาขึ้น จะแก้ไขได้ยากมาก ถ้าต้องการนำออกต้องทำการผ่าตัดเท่านั้น
1. การเสริมหน้าผากโดยซิลิโคนแบบสำเร็จรูป (Preform Silicone)
ลักษณะของซิลิโคนถูกผลิตขึ้นเเบบสำเร็จรูป โดยคิดตามค่าเฉลี่ยจากบุคคลส่วนมาก ซึ่งมีหลายขนาดจะมีความกว้าง-ความยาวที่แตกต่างกันไป ก่อนที่จะทำการเสริมซิลิโคนนั้นเเพทย์จะทำการวิเคราะห์ซิลิโคนที่ใกล้เคียงกับฐานของหน้าผาก จากนั้นแพทย์จะใช้เทคนิคทำการตกเเต่งซิลิโคนเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างหน้าผากของเเต่ละบุคคล
2. เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนเฉพาะบุคคล (3D Customized Silicone Implant)
ตัวซิลิโคนจะได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับสรีระหน้าผากของเเต่ละบุคคล โดยซิลิโคนจะถูกออกเเบบมาจากโครงสร้างหน้าผากโดยตรงของบุคคลนั้น อีกทั้งยังสามารถกำหนดความโค้งนูนของซิลิโคนให้ได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล สามารถในการวิเคราะห์และตรวจสอบได้อย่างถูกต้องเเละเเม่นยำ
ฟิลเลอร์หน้าผากอย่างปลอดภัย ควรตรวจสอบอะไร
1. ตรวจสอบประวัติของแพทย์
แพทย์ผู้ที่จะฉีดฟิลเลอร์หน้าผากให้กับคนไข้ จำเป็นจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านตจวิทยาและด้านการฉีดฟิลเลอร์ มีความรู้ทางกายวิภาค มีเทคนิคการฉีดต้องถูกต้องเหมาะสม มีการประเมินรูปร่างคนไข้ว่าต้องฉีดมากน้อยเพียงใด ฉีดสารในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง ด้วยปริมาณที่เหมาะสม และแพทย์มีใบอนุญาตการประกอบการหรือไม่
2. ตรวจสอบฟิลเลอร์
คนไข้ควรหาและตรวจสอบข้อมูล เกี่ยวกับฟิลเลอร์ชนิดต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน โดยต้องแน่ใจว่าจะได้รับการฉีดฟิลเลอร์ด้วยฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นฟิลเลอร์หนึ่งเดียวที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ควรสังเกตฟิลเลอร์ราคาถูกที่มีจำหน่ายตามเว็บไซต์ทั่วไป เพราะฟิลเลอร์เหล่านั้นอาจถูกนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เพราะเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หมดอายุ หรือไม่ได้คุณภาพ
3. สถานที่รับบริการ
สถานที่ที่เข้าไปรับบริการหรือคลินิกเสริมความงามต่างๆ ต้องเป็นสถานพยาบาลที่เป็นไปตามมาตรฐาน มีใบอนุญาตและได้รับการรับการอนุญาตอย่างถูกต้อง มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยและสามารถให้ความช่วยเหลือกับคนไข้ในกรณีฉุกเฉินได้ รวมไปถึงพนักงานภายในสถานบริการต้องมีความพร้อมในการให้บริการ ด้วยความจริงใจและสามารถให้คำปรึกษาแก่คนไข้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีการติดตามผลลัพธ์หลังทำด้วยความใส่ใจ
สรุป
ฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid เพื่อเติมเต็มความบกพร่องต่างๆ ของหน้าผาก ไม่ว่าจะเป็น หน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากไม่สมมาตร ซึ่งฟิลเลอร์จะมีความปลอดภัยที่สุด เนื่องจากสามารถสลายไปได้โดยไม่ตกค้างภายในร่างกาย และสามารถปรับแก้หรือนำออกได้ตามต้องการเพียงฉีดสลาย หากทำการผ่าตัดเสริมซิลิโคนอาจจะมีผลข้างเคียงมากกว่า