ฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปาก รูปปากสวยอวบอิ่ม

การใช้ ฟิลเลอร์ปาก เป็นเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากการฉีด ฟิลเลอร์ปาก สารที่เรียกว่า HA จะเข้าไปเติมเต็มริมฝีปากที่บางให้ดูอวบอิ่ม หรือจัดแต่งให้เป็นรูปทรงตามที่ต้องการ ไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่ทิ้งรอยแผลใหญ่หลังทำ

สารบัญ

ฉีดปาก ฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร

เป็นฟิลเลอร์ประเภทสาร Hyaluronic Acid เข้าไปเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม หรือจัดแต่งให้เป็นรูปทรงตามที่ต้องการ รวมไปถึงปัญหาริ้วรอยบนริมฝีปากที่เป็นร่อง จะทำให้ปัญหาการทาลิปสติกแล้วตกร่องนั้นหายไปด้วยเช่นกัน เพราะว่ามีคุณสมบัติอุ้มน้ำ คงสภาพผิวให้ชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากที่เป็นปัญหาของเราดูดีขึ้นมามากขึ้น เป็นวิธีที่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว มีผลกระทบมีน้อย ไม่เป็นอันตราย ฟื้นสภาพร่างกายได้อย่างรวดเร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

การปรับรูปปากจะมีความสัมพันธ์กับเวลายิ้ม สามารถทำให้ลักษณะการยิ้มของเราเปลี่ยนแปลงไปได้ ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาที่พูด ยิ้ม พบปะผู้คน ถ้าหากมีริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม อิ่มเอิบ ไม่มีรอยแตกแห้ง ปากของเราก็จะดูสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาปากเป็นร่อง ปากแห้ง ให้สวย อวบอิ่ม ชุ่มชื้น ขึ้นได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าอีกด้วย

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก

เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อริมฝีปากจะบางลงเรื่อย ๆ เนื่องจากมีการสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ และการใช้ฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใครบ้าง มีรายละเอียดดังนี้

ใครที่เหมาะกับการฉีด ฟิลเลอร์ปาก
  • สำหรับคนที่ต้องการปรับรูปปากให้เข้ากับรูปหน้า
  • ผู้ที่มีริมฝีปากที่บางจะทำให้ความมีเสน่ห์ น่าดึงดูดลดน้อยลง
  • ผู้ที่ริมฝีปากขาดคอลลาเจน ปากไม่อิ่มเอิบ เห็นริ้วรอยได้ง่าย
  • ผู้ที่ปากแห้งแตก เป็นร่องชัดจะเกิดปัญหาเวลาที่ทาลิปสติก

ฟิลเลอร์ปาก อันตรายหรือไม่

การฉีด ฟิลเลอร์ปาก เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ “HA” เพื่อช่วยเติมเต็มหรือเสริมให้ริมฝีปากกลับมาดูอวบอิ่ม เต่งตึง ชุ่มชื้นขึ้น ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เป็น HA นั้น จะสามารถสลายเองได้หมด ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย แม้เวลาผ่านไป

ฉีด ฟิลเลอร์ปาก

พื้นที่บริเวณริมฝีปาก ประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้ต้องระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัยให้มากที่สุด เพราะการฉีดฟิลเลอร์อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ฉะนั้นการใช้ฟิลเลอร์ จำเป็นต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ ต้องเชี่ยวชาญในเรื่องกายวิภาค รู้จักเส้นเลือดต่าง ๆ บนใบหน้า และการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรใช้ฟิลเลอร์ปลอม เพราะอาจจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างฟิลเลอร์อุดตันในเส้นเลือด เนื้อตายและตาบอดได้

สำหรับกรณีที่ต้องพึงระมัดระวังเป็นพิเศษ คือผู้เข้ารับบริการที่เคยผ่านการผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน แล้วต้องการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบก่อนเสมอว่าเคยผ่าตัดมาแล้ว

ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี

ปากและริมฝีปาก เป็นตำแหน่งที่พื้นผิวมีการขยับบ่อย ดังนั้น ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรมีค่าความยืดหยุ่นสูง ไม่เป็นก้อน เพื่อคงความเรียบเนียนแบบธรรมชาติ และฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีดังนี้

ฟิลเลอร์ปาก Volift
  • Juvederm volift (อายุฟิลเลอร์ 12 เดือน) จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
ฟิลเลอร์ปาก Volite
  • Juvederm volite คล้าย ๆ Restylane vital light แต่อยู่ได้ 6-8 เดือน
ฟิลเลอร์ปาก Juvederm ultraplus
  • Juvederm ultraplus จะฟูและอุ้มน้ำเยอะตามเทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ เหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง และอยู่ได้นาน1ปี แต่สามารถเม้มปากเจอเนื้อฟิลเลอร์นิ่ม ๆ ได้ในช่วง 4-6 เดือนแรก
volyme ฟิลเลอร์ปาก
  • Restylane volyme คล้าย ๆ Juvederm volift แต่อยู่ได้นานกว่าถึง 18 เดือน
ฟิลเลอร์ปาก Restylane-Vital
  • Restylane vital light เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ไขริมฝีปากแห้ง ให้ผิวปากชุ่มชื้น โดยที่ไม่ได้ต้องการเติมปาก อยู่ได้ 4-6 เดือน ต่อการฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 ครั้ง
Restylane-classic ฟิลเลอร์ปาก
  • Restylane classic เนื้อจะค่อนข้างแน่นสร้างรูปทรงได้อย่างสวยงาม ฟิลเลอร์รุ่นนี้สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน ช่วงแรก ๆ อาจมีความรู้สึกของเนื้อฟิลเลอร์ที่บริเวณริมฝีปากได้
Restylane Kysse ฟิลเลอร์ปาก
  • Restylane Kysse ผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุด เป็นสารเติมเต็มระดับพรีเมี่ยมจากประเทศสวีเดน พัฒนาขึ้นเพื่อปรับรูปปากโดยเฉพาะ กับเทคโนโลยีผสมผสาน Optimum Balance Technology (OBT) ช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูชุ่มชื้น ปรับริมฝีปากให้เรียบเนียน เพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปากดูสวย สุขภาพดี นาน 1 ปี

อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม

ฟิลเลอร์ปลอม คือ สารที่ใช้ในการมาเลียนแบบฟิลเลอร์ มีหลากหลายประเภท เช่น ซิลิโคนเหลว ไบโอพลาสติก พาราฟิน ซึ่งเป็นสารโพลิเมอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งของที่ทำมาจากพลาสติก หากเข้าสู่ร่างกายของเราก็จะไม่สามารถดูดซึมได้
หากได้รับสารเหล่านี้เข้าไป ร่างกายจะเกิดการต่อต้านสารแปลกปลอม ทำให้เกิดอาการแพ้ ในระยะแรกร่างกายรู้สึกเหมือนปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะจับได้ว่ามีสารแปลกปลอมเข้ามา เพราะฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายเองได้ โดยเริ่มจับเป็นก้อน กลายเป็นซิลิโคนเหลวที่เกาะแน่นกับกระดูก อาจทำให้ใบหน้าเสียรูปได้ โดยอาการหลัก ๆ เมื่อฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไป มีดังนี้

ฟิลเลอร์ปาก อันตราย
  • ผิวหนังแพ้ เป็นผื่นแดง เขียวช้ำ จ้ำเลือด อาจมีอาการคันด้วย
  • ผิวไม่เรียบเนียน ขรุขระ เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ บริเวณที่ฉีด
  • มีการเคลื่อนตัวจากตำแหน่งที่ฉีดเดิมไปตำแหน่งอื่น เช่น ฉีดคางแต่ไหลไปสุดปลายคาง
  • เกิดการอุดตันในเส้นเลือด อาจส่งผลให้ตาบอดได้

ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก คือมีรอยเข็มแดงเป็นจุดเล็ก ๆ ในบริเวณที่ฉีด สามารถหายเองภายใน 2-3 วัน และอาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งมักเจอในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol หรือวิตามิน E อาหารเสริมบางชนิดเช่น Fish oil, Primrose
โดยรอยเขียวช้ำจะค่อย ๆ จางลงภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงแรก สามารถทาแป้ง, Concealer หรือ รองพื้นปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำ หรือรอยแดงจากเข็มไว้ก่อนได้ โดยไม่มีอันตราย

ก่อน หลัง ฉีดฟิลเลอร์ปาก
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วงแรกอาจคลำพบก้อนเล็ก ๆ แข็งเหมือนยางลบใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะละลายตัวและนิ่มเป็นเนื้อเดียวกันเองภายใน 2-4 สัปดาห์
  • หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก 3-4 ชม. แรก ถ้ามีการปวดตื้อ ๆ อยู่สามารถนวดโดยการเม้มปาก และประคบเย็นได้ จะช่วยให้อาการตึงดีขึ้น
  • นัดพบแพทย์หลังการรักษาด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ปาก ในช่วง 7 วัน ถึง 4 สัปดาห์
  • อาจมีการปวดตึงบริเวณที่ฉีด สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวด ลดบวมตามคำแนะนำแพทย์ได้
  • กรณีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เป็นสีน้ำตาล หรือดำ ควรรีบไปแจ้งแพทย์ที่ทำการรักษาทันที

ฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเป็นก้อน ใหญ่เกินไป แก้ไขได้อย่างไร ?

สาเหตุที่ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน เกิดจากการที่แพทย์ไม่มีความชำนาญและประสบการณ์มากพอ ทำให้เลือกชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับปาก หรือใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หรือการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งถือว่าอันตรายมากควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า คลินิกความงามที่เลือกรับบริการนั้น ใช้ฟิลเลอร์แท้หรือไม่
วิธีแก้ไขเมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีดังนี้

1. ฉีดสลายฟิลเลอร์

ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์มาแล้วเกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยการสลายฟิลเลอร์ เป็นการใช้เอนไซม์ไฮยารูลอนิเดส ( Hyarulonidase :HYAL) ซึ่งเอนไซม์นี้จะช่วยย่อยสลายฟิลเลอร์กลุ่ม ไฮยารูลอนิกแอซิด Hyaluronic Acid: HA สามารถสลายได้เฉพาะฟิลเลอร์แท้ที่ทำมาจากกรดไฮยาลูรอนิกเท่านั้น

2. ผ่าตัด/ขูดฟิลเลอร์

การขูดหรือผ่าตัดออก เป็นวิธีที่ใช้ในกรณี การถูกฉีดฟิลเลอร์ปลอม เป็นวิธีที่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้เพียง 70% เท่านั้น มีความเสี่ยงสูง และค่าใช้จ่ายสูง โดยส่วนใหญ่นิยมขูดในส่วนคางและจมูก ไม่นิยมขูดในส่วนปาก เพราะทำกับเนื้อริมฝีปากได้ยาก และมีโอกาสเกิดคลื่นผิวที่ไม่เรียบเนียนภายหลังได้

ฉีดฟิลเลอร์ปาก สลายฟิลเลอร์

การฉีดสลายฟิลเลอร์ไม่สามารถทำได้กับซิลิโคน พาราฟิน แพทย์จึงไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ปลอม เพราะนอกจากจะไม่สลายเอง และอาจเกิดผลเสียในระยะยาว

สัดส่วนทองคำของริมฝีปาก

ความงามตามหลักธรรมชาติของรูปปาก สัดส่วนของ ความหนาปากบนต่อความหนาปากล่าง จะอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 1.6 ความกว้างปากของผู้หญิง จะอยู่ที่บริเวณช่วงขอบในของตาดำ แล้วประกอบกันกับมุม 45 และ 90 องศา เส้นลากต่อบริเวณช่วงจมูก ปาก แล้วก็บริเวณปลายคาง ก็จะสัมพันธ์กัน ทำให้ใบหน้าของคนไข้ ที่มีลักษณะรูปปากแบบนี้ดูสวยแล้วก็ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น โหงวเฮ้งปาก ที่ดีจะต้องมีเนื้อที่อวบอิ่ม ไม่มีริ้วรอย ไม่มีรอยยับย่น โดยใครทำงาน ที่ต้องใช้ริมฝีปากในการพูด การค้าขาย ริมฝีปากก็ควรจะมีความหนา และเหมาะสม เพื่อให้น้ำหนักหรือว่าคำพูดของผู้พูดมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

สัดส่วนฟิลเลอร์ปาก รูปปากที่เหมาะกับโครงหน้าคนไทย

การที่จะฉีดฟิลเลอร์ปาก โครงหน้าแบบคนไทยส่วนมาก จะไม่รับกับริมฝีปากแบบดาราฝรั่ง ควรใช้ตัวอย่างริมฝีปากที่เป็นเอเชียนิยม เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และมีโครงหน้าในจุดอื่น ๆ ใกล้เคียงกับคนไข้ด้วย ผลที่ได้จึงจะออกมาดูเป็นธรรมชาติที่สุด ความหนาประมาณหนึ่งที่ไม่ทำให้ดูหนาจนเกินไป

โดยหลักการ แพทย์ก็จะทำการประเมิน และคำนวนสัดส่วนฟิลเลอร์ปาก ให้รับกับจุดอื่น ๆ บนใบหน้าของคนไข้ ดังนี้

สัดส่วนปาก ฟิลเลอร์)ปาก
  • ขนาดของริมฝีปาก บน:ล่าง ที่เหมาะสมคือ 1:1.68 ซึ่งถือเป็นสัดส่วนทองคำ ของใบหน้าและริมฝีปาก ซึ่งเป็นหลักการสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากที่สำคัญ
  • เมื่อมองด้านข้างแล้วลากเส้นจากปลายจมูกลงมาที่คาง ริมฝีปากล่างควรจะแตะเส้นนี้พอดี ส่วนริมฝีปากบนควรจะห่างจากเส้นนี้ 2 มิลลิเมตร เป็นการประเมินที่ดูมิติของริมฝีปาก ไม่ยื่นมากไปจนเกินงาม และไม่บางมากไป ทำให้ดูมีอายุ
  • เนื้อริมฝีปากล่าง ไม่ควรใหญ่เกินขอบเขตของยอดตัว M ของริมฝีปากบน
  • มุมปากควรยกขึ้น ไม่ทิ่มลงล่าง
  • เนื้อปากควรอิ่มเรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย
  • ขอบรอยต่อระหว่างริมฝีปากกับผิวปกติ ไม่มีริ้วรอย

ปากกระจับ

การฉีด ฟิลเลอร์ปากกระจับ คือ รูปทรงปากทั้งส่วนบนและล่างได้รูปสวยงามรับกับใบหน้า โดยริมฝีปากจะมีความโค้งเรียวสวย คล้ายกับผลกระจับ ทำให้ริมฝีปากมีความอ่อนหวานละมุนและมีเสน่ห์มากขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจในรูปลักษณ์

ฟิลเลอร์ปาก ปากกระจับ เหมาะกับใคร

ปากกระจับ เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาปากบนหนาไม่เป็นทรง
  • ผู้ที่มีปากคว่ำ ใบหน้าดุ
  • ผู้ที่มีเนื้อปากไม่หนาเกินไป
  • ผู้ที่อยากปรับแต่งรูปทรงปากให้กระจับ

อ่านเพิ่มเติม  ปากกระจับ ทรงปากยอดฮิต

ฟิลเลอร์ปากสายฝอ

การฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอ ได้กระแสความงามมาจากทางฝรั่งตะวันตก คือ รูปทรงปากที่มีความอวบอิ่มฟู นุ่มฟู สวยเซ็กซี่แบบสไตล์ฝรั่ง การฉีดปากสายฝอจึงสามารถช่วยแก้ปัญหารูปทรงให้ตรงตามความต้องการของคุณได้ นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาปากเป็นร่อง ปากแห้ง ให้ชุ่มชื้นขึ้นได้ และช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าอีกด้วย

ฟิลเลอร์ปาก สายฝอ

ปากสายฝอ เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาปากบาง ปากแห้ง
  • ผู้ที่ต้องการมีริมฝีปากสไตล์ตะวันตก
  • ผู้ที่อยากปรับแต่งรูปทรงปากให้อวบอิ่ม เซ็กซี่

อ่านเพิ่มเติม  สายฝอ ห้ามพลาดทรงปากนี้!

ศัลยกรรมปาก VS ฟิลเลอร์ปาก

การศัลยกรรมปาก

การผ่าตัดริมฝีปากสามารถทำให้ปากกระจับอยู่ได้อย่างถาวร เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากหนา อยากตัดเนื้อริมฝีปากส่วนเกินออก แต่ถ้าหากเลือกทำศัลยกรรมปากกระจับให้มีริมฝีปากที่บางลงแล้ว ถ้าในอนาคตเราต้องการมีเนื้อที่มากขึ้น ก็ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพราะไม่สามารถทำศัลยกรรมกลับขึ้นมาให้มีเนื้อได้เช่นเดิม

ขั้นตอนการทำศัลยกรรมปาก ฟิลเลอร์ปาก

ฉีดฟิลเลอร์ปาก

การฉีด ฟิลเลอร์ปาก เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากบาง ไม่หนามาก หลังทำสามารถเห็นผลได้ทันที ปลอดภัย 100% ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเจ็บตัวมากเหมือนการผ่าตัด และไม่มีรอยแผล สามารถเปลี่ยนรูปปากได้ตลอดเวลาตามเทรนด์

ฟิลเลอร์ปาก ปากบน
ฟิลเลอร์ปาก ปากล่าง

ถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ปาก ตามเทรนด์การเติมเต็มปากให้อวบอิ่มขึ้น แล้วเทรนริมฝีปากเปลี่ยนไป ในอนาคต ก็สามารถรอฟิลเลอร์สลายหรือฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ช่วยปรับรูปหน้าโดยรวมของเราให้มีมิติ พร้อมกับดูอ่อนหวานและอ่อนกว่าวัย

ข้อควรพิจารณาในการฉีดฟิลเลอร์ปาก

 สิ่งที่ควรพิจารณาในการฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อออกแบบรูปทรงให้เข้ากับใบหน้า มีดังนี้

  • ปากมีความสมมาตรหรือไม่ ถ้าปากเบี้ยว มุมปากตก ปากไม่เท่ากัน สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ปากมีความสมส่วน สมดุลได้รูปมากขึ้น
  • เรื่องสัดส่วนระหว่างริมผีปากบนและล่าง โดยทั่วไปสัดส่วนทองคำ (Golden ratio) ที่ได้สัดส่วนสวยงามที่สุดของริมฝีปาก คือ ริมฝีปากบนจะต้องหนาประมาณ 1 ส่วน ริมฝีปากล่างจะเป็น 1.6-1.8 ส่วน ขึนกับความยาวคางส่วนปลายของผู้เข้ารับบริการด้วย
  • ดูรูปปากเทียบสัดส่วนกับส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า จะช่วยวิเคราะห์ได้ว่ารูปหน้าแบบไหน เหมาะกับรูปทรงปากมากที่สุด

ปากบางจากผ่าตัดแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก ได้หรือไม่

ลักษณะปากบางที่เกิดจากการผ่าตัดริมฝีปาก สามารถฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นกับผังผืดที่เกิดจากการผ่าตัด ถ้าผังผืดดึงรั้งมากก็จะฉีดฟิลเลอร์ปากได้น้อย ดังนั้นก่อนที่จะผ่าตัดทำริมฝีปากบางควรศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะปัจจุบันมีคนไข้เข้าปรึกษาหลาย ๆ เคสที่ผ่าตัดริมฝีปากมาบางเกินไปเนื้อน้อยมากจนไม่สามารถฉีดฟิลเลอร์ปาก แก้ได้ และไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีใด ๆ ได้เลย

โดยปกติหลังทำการผ่าตัดริมฝีปากมาแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี ให้แผลผ่าตัดหายสนิทก่อนที่จะเริ่มทำการฉีดฟิลเลอร์ปากอีกครั้ง

ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

ก่อนฉีด ฟิลเลอร์ปาก เตรียมตัว
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดแข็งตัวยาก จะส่งผลให้เกิดอาการช้ำได้ง่าย ซึ่งจะดีที่สุดหากสามารถเลี่ยงได้ 3 วัน 
  • หลีกเลี่ยงอาหารเสริมหรือยาบางชนิด จะดีที่สุดหากสามารถหลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการทำให้เกิดเลือดแข็งตัว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDs, แอสไพริน (aspirin) และ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
  • เลี่ยงการใช้สมุนไพร  เช่น น้ำมันตับปลา แปะก๊วย โสม เป็นต้น
  • ควรแจ้งประวัติการใช้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
  • หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม 2-3 วันก่อนฉีด เนื่องจากอาหารที่มีรสชาติเค็มจะทำให้อาการน้ำคั่ง ส่งผลให้ร่างกายมีโอกาสบวมมากขึ้น
  • หากมีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้ง

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

โดยขั้นตอนในการฉีด ฟิลเลอร์ปาก จะประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

1. ประเมินรูปปากและวางแผน

แพทย์จะทำการประเมินดูลักษณะของใบหน้าและปัญหาผิว เพื่อแก้ไขโดยการทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ในแต่ละจุด รวมถึงมีการถ่ายภาพใบหน้า บริเวณที่ทำการรักษาเพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีด

ประเมิน ก่อนฉีด ฟิลเลอร์ปาก

2. ทำความสะอาดและใช้ยาระงับความรู้สึก

ขั้นตอนนี้จะต้องเช็ดทำความสะอาดใบหน้าก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการทายาระงับความรู้สึก หรือ อาจใช้อุปกรณ์เย็นจัด ที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์

ทายาชา ฉีด ฟิลเลอร์ปาก

3. ขั้นตอนฉีดฟิลเลอร์

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ จะใช้เวลาในการฉีดแต่ละเข็มเพียงไม่นาน แพทย์จะทำการนวดและประเมินผลการตรวจไปพร้อมกับการฉีดฟิลเลอร์ หรืออาจมีการเพิ่มปริมาณของฟิลเลอร์ตามที่แพทย์เห็นสมควร

ขั้นตอนการฉีด ฟิลเลอร์ปาก

4. การทำความสะอาดแผลและพักฟื้น

เมื่อแพทย์เห็นว่าผลลัพธ์ของการรักษาเป็นที่พอใจแล้ว จะลบทำความสะอาดเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ออก และใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการบวมและบรรเทาความรู้สึกไม่สบายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย โดยผิวหนังที่ฉีด อาจมีการฟกช้ำจากรอยเข็ม 1-2 วัน แต่จะไม่เจ็บมาก

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เสร็จ

เมื่อกลับมาพักฟื้นที่บ้าน อาจใช้น้ำแข็งประคบบริเวณดังกล่าว โดยอาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือเพียง 2-3 วัน ส่วนผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์โดยการใช้ไขมันจากร่างกายของตนเอง จะใช้เวลาฟื้นตัวหลังจากการรักษานานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ปกติ โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

ทั้งนี้หากเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใด ๆ ควรไปพบแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อให้ตรวจดูความผิดปกติที่เกิดขึ้น

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ดูแลตัวเองอย่างไร

หลังฉีด ฟิลเลอร์ ดูแล
  • ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดครั้งละ 10 นาที ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หากมีบริเวณที่ช้ำ
  • งดการออกกำลังกาย หรือทำกิจจกรรมที่สร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย เช่น การซาวน่า เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • งดกดนวดบริเวณที่ทำการรักษา อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • งดแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • งดแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
  • สามารถรับประทานยาได้หากมีปวดในบริเวณที่ฉีด แพทย์แนะนำกลุ่มยาแก้ปวด พาราเซตามอล

ฟิลเลอร์ปาก ราคาเท่าไร

การใช้ฟิลเลอร์ในการรักษานั้นมีราคาค่อนข้างสูง ปริมาณที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิว โดยที่คนไข้บางคนอาจจะเริ่มจากการเติมเพียง 1-2 CC. ในครั้งแรก
ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์แท้จะมีราคาค่อนข้างสูง จึงมีการจัดโปรโมชั่นฟิลเลอร์โดยใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดการไหลย้อยของฟิลเลอร์และผังผืดได้

ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี

อีกปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ก็คือ การเลือก ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี เพราะฉีดครั้งหนึ่งจะต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา จะส่งผลดีหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการเอง โดยมีปัจจัยดังนี้

1. มีรีวิวที่น่าเชื่อถือได้

ต้องดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง พิจารณาจากแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ มีความเป็นปัจจุบัน และควรดูรีวิวที่เป็นคลิปวิดีโอก่อน-หลังทำ จะสามารถเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน

2. มีราคาที่เหมาะสม

ราคาต้องไม่สูงหรือต่ำต่างไปจากคลินิกอื่น ๆ มาก ซึ่งอาจจะแตกต่างกันได้ในด้านความชำนาญของแพทย์ หากเป็นฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกจนเกินไป ให้เดาได้เลยว่าน่าจะเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

3. ดูเคสรีวิวของแพทย์แต่ละคน

แพทย์ต้องมีประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์ การวางตัวยาในตำแหน่งชั้นผิวแบบใดแก้ปัญหาใด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ และบวมช้ำน้อยที่สุด และ ไม่เกิดปัญหาหลังการฉีดฟิลเลอร์ในแบบต่าง ๆ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ขมับ

การเปลี่ยนแปลงจะเห็นได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ โดยอาจจะมีอาการบวม แดง เขียวช้ำ แต่จะค่อย ๆ หายใน 1-2 วัน และหากมีอาการไม่ดีขึ้น บวมนานผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ที่ทำการรักษา

เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อนั้นมีหลายรุ่น และมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์จึงต้องเลือกให้เหมาะสม โดยแพทย์จะทำการประเมินในจุดที่เป็นปัญหาค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ปากให้อยู่นาน มีหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับตำแหน่ง การเลือกแพทย์เผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดโดยเฉพาะ สถานบริการได้มาตรฐาน และการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้นค่ะ

สรุปการฉีดฟิลเลอร์ปาก

การฉีด ฟิลเลอร์ปาก นิยมฉีดเพื่อแก้ปัญหาริมฝีปากที่ไม่ได้สัดส่วน หรือ ริมฝีปากเล็กบาง ปากไม่เท่ากัน ยังช่วยเรื่องการปรับโหงวเฮ้ง ดยการฉีดฟิลเลอร์ปาก ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรม เนื่องจากสามารถแก้ไขตามความต้องการได้ง่าย และไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้นนาน