ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เสี่ยงตาบอด ถ้าไม่รู้สิ่งนี้
เป็นการแก้ไขปัญหาด้วยการเติมเต็มร่องแก้มให้เต็มเพื่อ ทำให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น รูปหน้าดูสวยงามมีน้ำมีนวล จบปัญหาใบหน้าที่เกินกว่าวัย อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหามุมปากที่ตกร่วม และปรับรูปหน้าให้มีความเต็มอิ่ม มีมิติได้มากยิ่งขึ้น
สารบัญ
ปัญหาร่องแก้ม เกิดจากอะไร
ร่องแก้ม เป็นเส้นร่องที่อยู่บริเวณระหว่างจมูกกับมุมปากทั้งสองข้าง สามารถเห็นได้ชัดจากการยิ้มหรือการแสดงสีหน้า โดยสาเหตุหลักของการเกิดร่องแก้มนั้นมาจากการเสื่อมภาพของคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิว ทำให้เกิดจากการความหย่อนคล้อยของผิวและเห็นเป็นร่องแก้ม แต่ยังมีสาเหตุอื่นที่ไปกระตุ้นการเกิดร่องแก้ม ดังนี้
1. การยุบตัวของกระดูกบนใบหน้า
เกิดจากการยุบตัวของกระดูก และการเปลี่ยนแปลงชั้นไขมัน คอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวเกิดเสื่อมประสิทธิภาพ ทำให้เกิดเป็นร่องแก้ม ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยและโทรมตลอดเวลา
2. การแสดงสีหน้า
การยิ้มหรือหัวเราะบ่อย ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้ม มีความแข็งแรงเกินไป จนทำให้เกิดร่องมุมปากลึก เห็นเป็นริ้วรอยบริเวณร่องแก้มได้ชัดเจน
3. พฤติกรรมในการใช้ชีวิต
ความเครียด,การนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน, การดูดน้ำด้วยหลอดเป็นประจำที่สามารถก่อให้เกิดใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึกได้ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มบ่อยครั้ง รวมไปถึงการสูบบุหรี่ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกันจากสารเคมีในบุหรี่อาจทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ในผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่น
4. ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ
ปัจจัยภายนอกจากสภาพแวดล้อมเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดร่องแก้ม โดยหลักแล้วจะส่งผลให้ชั้นผิวบางลง เช่น แสงแดด และมลภาวะ
1. การยุบตัวลงของกระดูกบริเวณใต้ตา
เกิดจากการยุบตัวลงของกระดูกใต้ตา ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ทำให้แก้มห้อยย้อย เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มดูลึก สามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม และ ฟิลเลอร์ใต้ตา ร่วมด้วย โดยฉีดยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน จะทำให้เนื้อแก้มที่กองเหนือร่องแก้มเป็นก้อนน้อยลง และร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หากฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้ร่องแก้มแย่ลงกว่าเดิมได้ เนื้อจะยิ่งกองบริเวณเหนือร่องแก้มเป็นก้อนมากขึ้น หน้าจะดูอูม ๆ หน้าอ้วน ดูผิดธรรมชาติ
2. การยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง
สาเหตุนี้พบในคนที่อายุ 20-30 ปี เพราะร่องแก้มยังไม่ลึกมาก สามารถแก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียวได้ โดยฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มลงในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อและต้องฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย เพื่อป้องกันการดึงของกล้ามเนื้อที่ใช้ยิ้ม
3. การยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป
- สามารถใช้โบท็อกเทคนิค Dermotoxin แก้ไขได้ แต่ไม่ควรแก้ด้วยโบท็อกทั้ง 100% เพราะจะทำให้การยิ้มดูแข็งๆไม่เป็นธรรมชาติ ควรแก้ด้วยโบท็อกแค่ 50% และที่เหลือแก้ด้วยการเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า
- Dermotoxin คือ การฉีดโบท็อกปริมาณที่น้อยมาก ๆ ลงในชั้นผิวหนัง เพื่อให้เส้นใยของกล้ามเนื้อที่มาเกาะกับผิวหนังชั้นบนคลายตัว โดยที่ไม่ทำให้กล้ามเนื้อชั้นล่างคลายไปด้วย เพราะในบางจุดถ้ากล้ามเนื้อคลายตัวมากเกินไป เช่น บริเวณร่องแก้ม ก็จะทำให้การยิ้มดูผิดธรรมชาติยิ้มแข็ง ๆ ได้
- Myomodulation คือ การใช้ฟิลเลอร์ฉีดหนุน หรือฉีดกดกล้ามเนื้อ จะสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ไม่แข็งเกินไปทำให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าโบท็อกซ์
4. ผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย ชั้นผิวบางลง
ลักษณะเป็นริ้ว ๆ ตื้น ๆ ที่ร่องแก้ม สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวหนังได้โดยตรง ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กเพื่อให้เรียนเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ไขปัญหาร่องแก้มได้อย่างไร
วิธีการรักษาร่องแก้ม คือต้องเติมเต็ม Hyaluronic Acid ในส่วนที่สูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม โดยสารเติมเต็มชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในชั้นใต้ผิวหนังของเรา เพื่อเติมเต็มช่องว่างในชั้นเซลล์ผิว ทำให้ร่องแก้มลึกที่แสดงถึงความมีอายุนั้นตื้น ชุ่มชื้น ดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดีที่สุด
บริเวณร่องแก้มเป็นบริเวณที่มีการขยับของกล้ามเนื้อบ่อย การเลือกฟิลเลอร์ที่สามารถทนต่อแรงขยับได้ มีความยืดหยุ่นสูง จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติมเต็มร่องแก้ม
- Juvederm Ultra Plus : เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟูมากทำให้เต็มสวย เหมาะกับการเติมร่องแก้ม อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma : เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเติมใต้ตา ร่องแก้ม ได้อย่างเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volift : เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความละเอียดมากกว่ารุ่น Ultraplus เหมาะกับคนผิวบาง ร่องแก้มไม่ลึกมาก และเก็บรายละเอียดร่องแก้มชั้นตื้น อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Volyme : นิยมนำมาใช้ในการรักษาในตำแหน่งที่ต้องการการเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบ เช่น บริเวณแก้มตอบ ร่องแก้ม อยู่ได้นาน 15-18 เดือน
- Restylane Defyne : มีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นที่สูง อยู่ได้นาน 12-15 เดือน
- Belotero Intense : เป็นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้รุ่นนี้นิยมใช้สำหรับบริเวณที่มีการขยับบ่อยๆ
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายหรือไม่
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้นไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด หากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินสาเหตุและปัญหาเพื่อการแก้ไขร่องแก้มลึกได้ตรงจุด ถ้าแก้ผิดวิธีและฉีดผิดชั้นผิว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่น่ากลัวตามมาได้ เช่น
1. ฟิลเลอร์เป็นก้อน
เมื่อฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มในตำแหน่งชั้นที่ไม่ถูกต้อง มีโอกาสจับตัวเป็นก้อนสูงมาก เกิดจากการที่แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดความผิดพลาดร้ายแรงตามมาได้ เช่น ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด
2. เนื้อตาย
เนื้อเยื่อตาย เป็นอาการที่เนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียงที่ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เกิดความเสียหาย จากการที่ฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด ทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ต่อเนื้อเยื่อ หากเกิดกรณีนี้ขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเกิดอันตรายตามมาได้
3. ตาบอด
อันตรายที่ร้ายแรงที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ คือ อาการตาบอด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงมาจากการที่ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด จนเลือดไม่สามารถหล่อเลี้ยงดวงตาได้ รวมไปถึงการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม ต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจฉีด และเลือกฉีดด้วยสารฟิลเลอร์ของแท้ ที่ได้มาตรฐานและมีการรับรองความปลอดภัยจาก อย.
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอย่างปลอดภัย ควรตรวจสอบอะไรบ้าง
การที่จะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอย่างปลอดภัย นั้นมีปัจจัยที่ควรคำนึงถึง 3 ประการ ดังนี้
1. ตรวจสอบประวัติของแพทย์
แพทย์ผู้ที่จะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้กับคนไข้ จำเป็นจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านตจวิทยาและด้านการฉีดฟิลเลอร์ มีความรู้ทางกายวิภาค มีเทคนิคการฉีดต้องถูกต้องเหมาะสม มีการประเมินรูปร่างคนไข้ว่าต้องฉีดมากน้อยเพียงใด ฉีดสารในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง ด้วยปริมาณที่เหมาะสม และแพทย์มีใบอนุญาตการประกอบการหรือไม่
การตรวจสอบรายชื่อแพทย์กับแพทยสภา ที่นี่
2. ตรวจสอบฟิลเลอร์
ผู้เข้่รับบริการควรหาและตรวจสอบข้อมูล เกี่ยวกับฟิลเลอร์ชนิดต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน โดยต้องแน่ใจว่าจะได้รับการฉีดฟิลเลอร์ด้วยฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นฟิลเลอร์หนึ่งเดียวที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ควรสังเกตฟิลเลอร์ราคาถูกที่มีจำหน่ายตามเว็บไซต์ทั่วไป เพราะฟิลเลอร์เหล่านั้นอาจถูกนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เพราะเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หมดอายุ หรือไม่ได้คุณภาพ
3. สถานที่รับบริการ
สถานที่ที่เข้าไปรับบริการหรือคลินิกเสริมความงามต่างๆ ต้องเป็นสถานพยาบาลที่เป็นไปตามมาตรฐาน มีใบอนุญาตและได้รับการรับการอนุญาตอย่างถูกต้อง มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยและสามารถให้ความช่วยเหลือกับคนไข้ในกรณีฉุกเฉินได้ รวมไปถึงพนักงานภายในสถานบริการต้องมีความพร้อมในการให้บริการ ด้วยความจริงใจและสามารถให้คำปรึกษาแก่คนไข้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีการติดตามผลลัพธ์หลังทำด้วยความใส่ใจ
ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดอาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา , น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส, กระเทียม ,วิตามินอี
- หากต้องการทำเลเซอร์ ให้ทำเลเซอร์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 3 วัน
- งดการดื่มแอลกฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- งดการสครับผิวหน้าหรือแวกซ์ขนบริเวณที่ต้องฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 7 วัน
- หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็น การบีบ การนวด การแกะ การเกา ที่จะไปกระทบกับฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนของร่างกาย อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดการนวดหน้าหรือขยับกล้ามเนื้อใบหน้าบ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนที่และไม่เกาะผิวได้
- งดการแต่งหน้าหรือการใช้ครีมบำรุง อย่างน้อย 12 ชั่วโมง
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแนะนำให้งดการทำทรีทเม้นท์เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ควรดื่มน้ำในปริมาณมากและดื่มอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1.5-2 ลิตร (12 แก้ว) เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ ฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
วิธีอื่น ๆ ที่ช่วยลดร่องแก้ม
การปรับพฤติกรรม
- นอนหงาย การนอนอย่างถูกวิธีด้วยการนอนหงายเป็นการป้องกันและลดการเกิดริ้วรอย
- ลดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณแก้ม การใช้กล้ามเนื้อบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดริ้วรอยตามมาได้ เพราะสาเหตุหลักของการเกิดร่องแก้มก็มาจากการหัวเราะหรือยิ้มมากจนเกินไป
- ใช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย การใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวก เพราะนอกจากช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ยังสามารถฟื้นฟูผิวได้ด้วย
- บริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้า การออกกำลังกายหน้า หรือการบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้า จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และกระชับกล้ามเนื้อ
ทำหัตถการความงาม
- ใช้เครื่องนวดหน้า หรือทำเลเซอร์ นอกจากจะทาครีมบำรุงและกันแดดแล้ว การลดร่องลึกด้วยการใช้เครื่องนวดหน้ากระตุ้นผิวให้ซ่อมแซมตัวเองก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งได้ หรือทำเลเซอร์ลดร่องแก้มเลยก็จะเห็นผลได้ไวขึ้น
- การฉีดโบท็อกซ์ การฉีดโบท็อกสามารถช่วยยกกระชับร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย ให้เต่งตึงและดูกระชับได้ ด้วยการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้ม
- การร้อยไหม การร้อยไหม เหมาะสำหรับคนที่มีแก้มหย่อนคล้อย เมื่อแก้มถูกยกกระชับจะทำให้ร่องแก้มลึกดูยกขึ้นด้วย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น
- การสร้างคอลลาเจนจากเกล็ดเลือด (PRP – Platelet Rich Plasma) เติมเต็มใบหน้า ร่องแก้ม ลดปัญหาริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ ด้วยเกล็ดเลือดจากร่างกายตัวเอง ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง และยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันใจ
- สารเติมเต็มที่สร้างจาก Stem cell คุณสมบัติของสเต็มเซลล์คือทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงโครงสร้างชั้นผิว ให้กำเนิดเซลล์ใหม่เพื่อมาทดแทนเซลล์เก่า ซึ่งจะช่วยฟิ้นฟูผิวที่มีริ้วรอย ร่องแก้มต่างๆ ให้ตื้นขึ้น
- Fractional RF Microneedle เป็นการปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ในรูปแบบของ Fractional ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ในขณะที่พลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังชั้นล่าง ทำให้ริ้วรอย และหลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขน กระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนตึงกระชับ ความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น
- การศัลยกรรม การผ่าตัดลดร่องแก้ม ด้วยการเสริมซิลิโคนบริเวณใต้ร่องแก้มเพื่อที่จะหนุนไม่ให้ผิวหนังบริเวณร่องแก้มนั้นเกิดเป็นร่องลึกขึ้นได้อีก แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิด การติดเชื้อ ซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่ง
คำถามที่มักพบบ่อย
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ซึ่งมีอายุมาตรฐานอยู่ที่ 18-24 เดือน และจะค่อยๆ สลายหายไปตามธรรมชาติ 100% ไม่มีตกค้างเหลือภายในร่างกาย โดยอายุของฟิลเลอร์ร่องแก้มจะยืดหยุ่นตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถยืดอายุของฟิลเลอร์ได้นานมากยิ่งขึ้น
สำหรับปัญหาร่องแก้มที่ไม่มากนัก ร่องแก้มยังไม่ค่อยลึก สามารถใช้ฟิลเลอร์เพียง 0.5-1 cc. ก็สามารถเติมร่องแก้มให้เต็มได้ แต่ถ้าวินิจฉัยว่ามีปัจจัยอื่นๆ ร่วม รวมกับปัญหาร่องแก้มที่ชัดเจน ร่องลึก อาจมีใช้ถึง 2-3 cc. ขึ้นอยู่กับลักษณะของร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล เพราะแต่ละคนมีความแตกต่างของร่องแก้มที่ไม่เหมือนกัน สำหรับใครที่มีเนื้อเหนือร่องแก้มค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่องแก้มดูลึก ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแบบปกติ อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ไปกองเหนือร่องแก้มจนกลายเป็นก้อนนูน ส่งผลให้ร่องแก้มดูลึกขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งในลักษณะเช่นนี้อาจจะต้องฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ตามด้วยการลดเนื้อเหนือแก้ม
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นการฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าไป เติมร่องแก้มให้เรียบเนียน แต่หมอแนะนำให้ใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน ทนต่อการขยับได้ดี เพราะบริเวณร่องแก้มเป็นบริเวณที่มีการขยับบ่อย ที่สำคัญที่สุดต้องเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐานและผ่าน อย.